วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การเลี้ยงไก่ไข่

การเลี้ยงและการจัดการไก่ไข่บนกรง
การเลี้ยงไก่ไข่เป็นอุตสาหกรรมในปัจจุบันนิยมเลี้ยงแบบขังกรง การเลี้ยงแบบนี้มีข้อดีและ
ข้อเสียพอสรุปได้ดังนี้
ข้อดี
1. สะดวกในการดูแลและการตรวจสอบสุขภาพไก่
2. ไก่ไม่ปนเปื้อนมูล เนื่องจากเมื่อไก่ขับถ่ายมูลออกไปแล้วก็จะตกลงสู่ด้านล่างของกรงทันที
3. ไข่สะอาดไม่ปนเปื้อนมูลและสิ่งสกปรกต่าง ๆ
4. การจับและการคัดไก่ออกสามารถกระท าได้สะดวก
5. การเลี้ยงไก่บนกรงจะท าให้ไก่กินอาหารน้อยกว่าการเลี้ยงแบบปล่อยพื้น
6. ไก่ไม่มีนิสัยชอบฟักไข่
7. สามารถเลี้ยงไก่ได้ปริมาณมากกว่าในโรงเรือนขนาดเท่ากัน
8. การป้องกันการเกิดพยาธิภายใน พยาธิภายนอก และโรคติดต่อท าได้ง่ายกว่า
9. ประหยัดแรงงานและการท างานสะดวกขึ้น เนื่องจากสามารถน าอุปกรณ์อัตโนมัติเข้ามาช่วย
ท างานได้เช่น การให้น้ า การให้อาหาร และการเก็บไข่
ข้อเสีย
1. ต้นทุนการเลี้ยงต่อตัวสูงขึ้น
2. มีปัญหาการจัดการมูลในระหว่างการเลี้ยง
3. มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับแมลงวันและแมลงปีกแข็งมากกว่าการเลี้ยงไก่แบบปล่อยพื้น
4. ไข่ที่ได้จากการเลี้ยงแบบขังกรงมักจะมีโอกาสเกิดจุดเลือดและจุดเนื้อในฟองไข่มากกว่า
5. ไก่ที่เลี้ยงแบบขังกรงมักจะมีกระดูกเปราะกว่าจึงมีโอกาสกระดูกหักได้ง่ายกว่า
ขนาดกรง
ขนาดกรงส่วนใหญ่จะขึ้นกับบริษัทผู้ผลิต อย่างไรก็ตาม กรงเลี้ยงไก่ไข่จะต้องมีความสูงจากพื้น
ถึงหลังคากรงไม่น้อยกว่า 15-16 นิ้ว หรือ 38-41 เซนติเมตร เพื่อให้ไก่ได้ยืนอย่างสบาย
รูปแบบของกรงไก่ไข่ (Type of laying cages)
กรงส าหรับเลี้ยงไก่ไข่มีอยู่หลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบจะเหมาะสมกับสถานการณ์แตกต่างกัน
เช่น สภาพอุณหภูมิ สายพันธุ์ไก่ วัสดุที่ใช้ท ากรง รูปแบบของโรงเรือน ฯลฯ รูปแบบกรงเลี้ยงไก่ไข่ที่มีใช้
กันอยู่ในปัจจุบันได้แก่
 - กรงขังเดี่ยว (Single-bird cage)

- กรงขังรวมขนาดเล็ก (Small, multiple-bird cage)
- กรงขังรวมขนาดใหญ่ (Large, multiple-bird cage)

รูปแบบของกรงไก่ไข่ (Type of laying cages)
กรงส าหรับเลี้ยงไก่ไข่มีอยู่หลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบจะเหมาะสมกับสถานการณ์แตกต่างกัน
เช่น สภาพอุณหภูมิ สายพันธุ์ไก่ วัสดุที่ใช้ท ากรง รูปแบบของโรงเรือน ฯลฯ รูปแบบกรงเลี้ยงไก่ไข่ที่มีใช้
กันอยู่ในปัจจุบันได้แก่
 - กรงขังเดี่ยว (Single-bird cage)

- กรงขังรวมขนาดเล็ก (Small, multiple-bird cage)
- กรงขังรวมขนาดใหญ่ (Large, multiple-bird cage)

พร้อมกัน ไก่ตัวที่มีน้ าหนักถึงน้ าหนักมาตรฐานหรือน้ าหนักพิกัดก่อนจะวางไข่ออกมาก่อน ส่วนไก่ตัวที่มี
น้ าหนักตัวน้อยจะวางไข่ช้ากว่า ดังนั้นจึงควรท าการแยกไก่ตัวที่มีน้ าหนักมากกว่าค่าเฉลี่ยไปขังไว้ใน
พื้นที่เดียวกัน ส่วนไก่ตัวที่มีน้ าหนักน้อยกว่าค่าเฉลี่ยก็จะต้องน าไปขังไว้ในพื้นเดียวกันด้วย เพื่อความ
สะดวกในการจัดการให้อาหารเพื่อควบคุมน้ าหนักตัวโดยกลุ่มที่มีน้ าหนักต่ ากว่าน้ าหนักเฉลี่ยของฝูงหรือ
น้ าหนักมาตรฐานจะมีการเพิ่มปริมาณอาหารที่ให้มากขึ้น มีการกระตุ้นให้ไก่กินอาหารมากขึ้น ส่วนกลุ่ม
ที่มีน้ำาหนักมากกว่าน้ำาหนักเฉลี่ยก็จะต้องควบคุมปริมาณอาหารที่กินไม่ให้น้ าหนักตัวเพิ่มมากเกินไป
ในขณะที่กลุ่มที่มีน้ าหนักได้ตามมาตรฐานจะเลี้ยงดูตามปกติและให้อาหารตามโปรแกรมปกติ
จากข้อมูลของมหาวิทยาลัย California ระบุว่า ไก่เล็กฮอร์นขาวที่แบ่งน้ าหนักตัวออกเป็น 5 ช่วง
ตามน้ าหนักตัว ปรากฏว่าไก่กลุ่มที่มีน้ าหนักน้อยและกลุ่มที่มีน้ าหนักมากกว่าน้ าหนักเฉลี่ยของฝูงจะให้
ผลผลิตไข่น้อยกว่า โดยไก่กลุ่มที่มีน้ าหนักตัวน้อยกว่าค่าเฉลี่ยจะเริ่มให้ไข่ช้ากว่า ไก่กลุ่มที่มีน้ าหนัก
ใกล้เคียงกับน้ าหนักเฉลี่ยของฝูงจะให้ผลผลิตไข่ดีที่สุด ส่วนกลุ่มที่มีน้ าหนักตัวมากจะให้ไข่น้อยกว่า แต่
กินอาหารมากกว่าและมีอัตราการตายมากกว่าด้วย อย่างไรก็ตาม ไก่ที่มีน้ าหนักตัวมากจะให้ไข่ฟอง
ใหญ่กว่า
ปัจจัยที่มีผลต่อการให้ผลผลิตไข่
อายุเมื่อเริ่มไข่ฟองแรก น้ าหนักไข่เฉลี่ยของฝูงจะสัมพันธ์กับน้ าตัวและอายุเมื่อไก่เริ่มให้ไข่
ฟองแรก เนื่องจากอายุเมื่อไก่เริ่มให้ไข่ฟองแรกสามารถควบคุมได้โดยการใช้โปรแกรมการให้แสงสว่าง
และการควบคุมอาหารหรือควบคุมน้ าหนักตัว แต่ต้องจ าไว้ว่าการควบคุมให้ไก่ออกไข่ฟองแรกช้าออกไป
จะท าให้ต้นทุนการผลิตไข่ต่อตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้เลี้ยงจะต้องพิจารณาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ราคาไข่
และความต้องการของตลาดด้วย อย่างไรก็ตาม อายุเมื่อให้ไข่ฟองแรกควรจะอยู่ระหว่าง 19-20 สัปดาห์
จะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด และหลังจากที่ไก่เริ่มให้ไข่ฟองแรกไปแล้วประมาณ 5 สัปดาห์ไก่ฝูงนั้นก็ควร
จะมีเปอร์เซ็นต์การไข่ต่อวันประมาณ 50%
การตายระหว่างการเลี้ยง การตายของไก่ระหว่างการเลี้ยงและการให้ผลผลิตไข่จะเป็นตัวบ่งชี้

ถึงประสิทธิภาพและข้อผิดพลาดของการจัดการ การตายของไก่ไม่เพียงแต่เป็นการสูญเสียไก่เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น